วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

องค์ประกอบของบุคคลิกภาพ

องค์ประกอบของบุคลิกภาพ
บุคลิกภาพของบุคคลประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการดังนี้

1.บุคลิกภาพทางกาย แบ่งเป็นองค์ประกอบย่อย 2 องค์ประกอบ
- ประการแรก คือ รูปลักษณ์ภายนอกของผู้บริหาร เพราะนี่เป็นสิ่งแรกที่ปรากฎแก่สายตาผู้คน ดังนั้น ความสะอาดของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ รองลงมาคือ การแต่งกายที่เรียบร้อย เหมาะสมกับตำแหน่ง วัย และสถานการณ์ ทั้งสองส่วนนี้จะเป็นตัวสื่อสารให้คนภายนอกรู้จักตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น ระดับการศึกษา ฐานะ ตำแหน่ง ฯลฯ โดยไม่ต้องใช้คำพูด
ด้านวิชาการบางท่านเรียกสิ่งนี้ว่า การสื่อสารที่ไร้ศัพท์ ผู้บริหารที่ขาดการใส่การสื่อสารที่ไร้ศัพท์นี้ อาจจะสื่อสารให้ผู้พบเห็นเข้าใจในเรื่องต่างๆ ผิดไปจากความจริงได้
- ประการที่สองคือ บุคลิกภาพภายใน หมายถึงการใช้ภาษา ผู้นำต้องสามารถพูดโต้ตอบได้ฉลาด สามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ และต้องอ่านหนังสืออยู่เสมอ เพื่อก้าวทันสมัย และเป็นข้อมูลในการแสดงความคิดเห็น ให้คำปรึกษา โต้ตอบกับคู่สนทนา นี่คือสิ่งที่จะก่อให้เกิดการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชา

2.บุคลิกภาพทางอารมณ์และจิตวิทยา
อารมณ์เป็นสิ่งที่แสดงให้คนรู้จักเราได้อย่างชัดเจน ผู้นำที่มีบุคลิกภาพดีต้องมีความมั่นคงทางอารมณ์ ทนต่อความกดดันได้ ระงับอารมณ์โกรธได้อย่างรวดเร็ว ไม่หงุดหงิด บ่นว่าตลอดเวลา ต้องกล้าเผชิญอุปสรรคอย่างไม่ย้อท้อ เคารพสิทธิผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และต้องมีจิตวิทยาในการพูด พูดจาชมเชย โน้มน้าวจูงใจให้คนทำงานเพื่อความเจริญก้าวหน้าของหน่วยงานได้ รวมทั้งมรีจิตใจที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

3.บุคลิกภาพทางสังคม
ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการศึกษาหาความรู้ในพิธีการต่างๆ ตามบรรทัดฐาน (Norms) ของสังคม เพื่อจะได้ปฏิบัติตามมารยาทสากลได้อย่างถูกต้อง สามารถเป็นตัวอย่างให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดทั้งคนรอบข้างได้

4.บุคลิกภาพทางสติปัญญา
ความรอบรู้และมองการณ์ไกลเป็นสิ่งสำคัญกับผู้ที่อยู่ในสถานะ “ผู้บริหาร” ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์พอที่จะเป็นผู้นำกลุ่มได้ สามารถสร้างสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรได้ อีกทั้งการมีบุคลิกภาพที่ดีทางสติปัญญา จะยิ่งทำให้ลูกน้องเคารพและให้เกียรติมากยิ่งขึ้นด้วย

ประเภทของบุคลิกภาพ

ประเภทของบุคลิกภาพที่ควรปรับปรุง
บุคลิกภาพของบุคคลโดยทั่ว ๆ ไป แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. บุคลิกภาพภายนอก
2. บุคลิกภาพภายใน
การปรับปรุงบุคลิกภาพภายนอก
การปรับปรุงบุคลิกภายนอก หมายถึง สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัด หรือ สัมผัสได้ การปรับปรุงแก้ไขก็ทำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย และวัดผลได้ทันที ได้แก่
- รูปร่างหน้าตา
- การปรับปรุงการแต่งกาย
- การปรับปรุงในเรื่องการติดต่อสื่อสาร
- การปรับปรุงการพูด
- การปรับปรุงการฟัง

การปรับปรุงบุคลิกภาพภายใน
การปรับปรุงบุคลิกภาพภายใน หมายถึง สิ่งที่มองไม่เห็น และ สัมผัสยาก ต้องมีโอกาสทำงานร่วมกัน หรืออยู่ด้วยกันนานๆ บุคลิกภาพภายในจึงจะแสดงออกมา การแก้ไขเปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก ใช้เวลานาน และวัดผลลำบาก
บุคลิกภาพภายนอก ได้แก่
- ความกระตือรือล้น
- ความซื่อสัตย์
- ความสุภาพ
- ความร่าเริงและความร่วมมือ
- ความแนบเนียน
- ความยับยั้งชั่งใจ
- ความจริงใจ
- จินตนาการ

มารยาทบนโต๊ะอาหาร



มารยาทบนโต๊ะอาหาร



การนั่งโต๊ะอาหาร
ให้รอผู้อาวุโสเข้าก่อน สุภาพสัตรีเข้าก่อนเสมอ ในกรณีที่มีพนักงานประจำภัตตาคารเดินนำให้สุภาพสัตรีนำหน้าฝ่ายชาย แต่ถ้าไม่มีพนักงานต้อนรับเดินนำให้เรา(ชาย)เป็นผู้เดินนำหน้าที่โต๊ะอาหาร สุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสัตรี นี่คือมารยาทขั้นต้น Basic นั่งเรียบร้อยก็ควรชวนคุยระหว่างรอบริกรมาถามเครื่องดื่ม ช่วงนี้ฝ่ายชายควรถามเรื่องที่เธอชอบดื่มอะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอเสมอ อาจเป็นเครื่องดื่มนางเอก น้ำส้มคั้น

- ผ้าเช็ดปาก คลี่ออก ให้สังเกตุเจ้าภาพ ควรปฏิบัติตามหลังเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าพร้อมเสิร์ฟอาหารผ้าเช็ดปากวางบนตัก ไม่ควรอย่างยิ่งที่เหน็บที่หน้าอก (บางทีเราอาจเห็นในภาพยนต์) และควรคลี่เพียงครึ่งผืนควรเช็ดปากจากด้านในของผ้าจะได้ไม่เห็นรอยเปื้อน โดยยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากเบาๆ ไม่ควรเช็ดถูอย่างเอาเป็นเอาตายรุนแรงถ้ามีความจำเป็นต้องลุกจากโต๊ะรับประทานอาหารให้นำผ้าเช็ดปากวางบนเก้าอี้ หรือพนักวางแขน เมื่อรับประทานเสร็จแล้วให้วางผ้าบนโต๊ะด้านขวา ถ้าผ้าเช็ดปากหล่นขณะรับประทานอาหารให้ขอผ้าผืนใหม่จากพนักงานบริการ แต่ไม่ต้องกังวน ในภัตตาคารที่ดีจะต้องนำอุปกรณ์ทุกชนิดมาเปลี่ยนให้ทันทีทันใดถ้าสิ่งนั้นหล่นบนพื้น เราอาจนำมาพิจารณถึงระดับของภัตตาคารได้จากการบริการเหล่านี้

การใช้แก้วต่าง ๆ

แก้วต่างๆ จะถูกจัดเรียงไว้ทางขวามือโดยเริ่มด้วยแก้วน้ำ แก้วไวน์ต่าง ๆ การเสิร์ฟเครื่องดื่มจะเริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มจากด้านนอกสุดก่อน ไล่ไปจนถึงแก้วน้ำซึ่งเป็นแก้วสุดท้าย สำหรับแก้วที่มีก้านให้จับที่ก้านแก้วโดยให้ฝ่ามืออยู่ใต้ฐานของแก้ว ส่วนแก้วที่มีหูแก้วชา กาแฟ เบียร์ ให้จับที่หูของแก้ว


- การเสิร์ฟเครื่องดื่มจะเสิร์ฟตามชนิดของอาหาร โดยทั่วไปจะเสิร์ฟปลา และอาหารทะเลกับไวน์ขาว อาหารประเภทเนื้อ จะเสิร์ฟพร้อมไวน์แดง หรือไวน์โรเช่ (สีชมพู รับประทานกับอาหารทุกชนิด)แชมเปญจะเสิร์ฟในช่วงท้าย ส่วนใหญ่มักเสิร์ฟช่วงของหวาน การดื่มไวน์ควรจิบ แล้วรับประทานอาหารตาม

การใช้มีด ช้อน และส้อม

ให้หยิบเครื่องมือจากด้านนอกเข้าด้านในซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะถูกจัดเรียงตามรายการอาหารที่แสดงในเมนูซึ่งบางที่วางบนโต๊ะ บางครั้งอาจจะไม่มีถ้าเป็นรายการที่เราสั่งเอง เมื่อรับประทานอาหารแต่ละจานเสร็จเรียบร้อย พนักงานบริการจะเก็บเครื่องมือที่ไม่ต้องการ ใช้แล้วออกไป ซึ่งภายหลังรับประทานขนมหวานเสร็จบนโต๊ะจะไม่มีเครื่องมือรับประทานอาหารบนโต๊ะแม้แต่ชิ้นเดียว แม้กระทั่งกระปุกเกลือพริกไทยที่เป็นเครื่องปรุงเพียงสิ่งเดียวสำหรับอาหารตะวันตกอนุญาติให้มีได้บนโต๊ะ เราไม่ควรขอซ็อตอื่นตามความเคยชิน เช่นซ็อตมะเขือเทศ ทั้งนี้เพราะเขาใช่ใส่ฮอดด็อก หรือแฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อบด ไร้คุณค่าทางอาหาร
จานขนมปัง จานเนย

วางทางด้านซ้ายมือเสมอ เวลารับประทานขนมปังควรใช้มือฉีกให้พอดีคำไม่ควรฉีกทิ้งไว้และไม่ใช้มีดหั่น ให้ใช้มีดเนยทาเนยลงบนขนมปัง และใช้มือซ้ายส่งขนมปังเข้าปาก มีดเนยเมื่อใช้เสร็จให้วางบนจานขนมปังด้านบนหันมีดเข้าหาตัว เวลารับประทานให้จับมีดด้วยมือขวา เพื่อตัดแบ่งอาหารให้ได้ขนาดพอดีคำ และจับส้อมด้วยมือซ้ายเพื่อช่วยในการหั่น พร้อมส่งอาหารเข้าปาก ห้ามใช้มีดส่งอาหารเข้าปาก หากอยู่ในระหว่างการสนทนาควรพักมีดส้อมโดยให้วางปลายส้อมและปลายมีดเฉียงเข้าหากัน ส้อมจะอยู่ในลักษณะคว่ำลง และหันคมมีดเข้าด้านในจานเมื่อรับประทานเสร็จแล้วให้รวบมีดและส้อมคู่กันโดยวางส้อมหงาย การรวบมีดและส้อมนี้ให้วางคู่กันในลักษณะ 5 O'clock หรือ 6 O'clock แต่ชาวอังกฤษนิยมรวบมีดส้อมไว้ตรงกลางจาน ชาวอเมริกันนิยมรวบไว้หัวจานเฉียงๆ

การใช้ช้อนซุป

จับช้อนด้วยมือขวา เวลารับประทานอาหารให้ตักซุปออกจากตัวและทานชุปจากทางด้านข้างของช้อน การตักชุปออกนอกตัวผู้รับประทานซึ่งใช้กับช้อนที่มีลักษณะกลมเท่านั้น ส่วนช้อนรูปทรงอื่นให้ตักเข้าหาตัวได้ตามปกติซุปที่มีลักษณะใส Consomme ที่เสิร์ฟในถ้วยที่มีหูจับสองด้าน ผู้รับประทานสามารถยกถ้วยชุปขึ้นจิบได้แทนการใช้ช้อน แต่ไม่ควรใส่ขนมปังลงในถ้วยชุป ยกเว้น Crouton ขนมปังกรอบหั่นลูกเต๋า ที่ใส่มาแล้วในถ้วยชุปก่อนนำมาเสิร์ฟ

การแต่งกายไปโรงเรียน


การแต่งกายไปโรงเรียน
เราควรแต่งตามที่สถาบันการศึกษาที่เราศึกษาอยู่กำหนดให้เพื่อแสดงถึงการเคารพครูอาจารณ์ สถานศึกษา และแสดงถึงความเป็นระเบียบของสถาบันเรา และรวมทั้งเป็นการฝึกวินัยกับตัวเราเองด้วย



แต่ในปัจจุบันนี้ นักเรียน นักศึกษา ต่างแต่งกายผิดระเบียบผิดกฏโรงเรียนของเรื่องการแต่งกาย โดยคิดว่า ถ้าตนเองแต่งกายไปเรียนหรือมีทรงผมแปลก ๆ ไม่มีใครเหมือนหรือแต่งกายผิดไปจากเพื่อน ก็คิดว่าตนเอง เท่ เก๋ และเป็นจุดเด่นที่สามารถทำให้ทุกคนมอง แต่หารู้ไม่ว่าตนเองเป็น แกะดำ ในสายตาผู้อื่น

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

การแต่งกายไปงานศพ


การแต่งกายไปงานศพ
การแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำ มีมานานแล้วและเป็นความคิดที่เป็นสากล ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านนั้น แต่ในประเทศอื่น ๆ เช่น จีน และประเทศในโลกตะวันตกก็มีวัฒนธรรมนี้ ถามว่ามีมาแต่เมื่อไหร่ ยังสืบค้นไม่ได้ แต่อย่างน้อยในสมัยรัชกาลที่ 5 มีประเพณีแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำแล้ว ก่อนหน้านั้นถ้าดูจากวรรณคดี ภาพจิตรกรรมและพงศาวดารจะเห็นว่ามีการแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีขาว ถ้าเป็นเจ้านายในวัง ข้าในวังจะต้องโกนศีรษะไว้ทุกข์ด้วย ถ้าเป็นเจ้าวังหน้า โกนแต่ข้าในวังหน้า ข้าวังหลวงไม่ต้องโกนศีรษะ ส่วนประเพณีการแต่งกายไว้ทุกข์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ได้มีเฉพาะสีดำเท่านั้น ยังมีสึขาวสีม่วงแกและสีน้ำเงินแก่อืกตามศักดิ์ ฐานะและความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างผู้ตายกับผู้ไว้ทุกข์ คือ
- สีขาว แต่งเมื่อเจ้านายผู้ไปร่วมงานพระศพมีอายุหรือมีฐานานุศักดิ์น้อยกว่าเจ้านายที่สิ้นพระชนม์
- สีดำ แต่งเมื่อเจ้านายผู้ไปร่วมงานพระศพมีอายุหรือมีฐานานุศักดิ์มากกว่าเจ้านายที่สิ้นพระชนม์
- สีน้ำเงิน สีม่วง แต่งเมื่อเจ้านายผู้ไปร่วมงานพระศพไม่ได้มีความใกล้ชิดสนิทสนม มีความสัมพันธ์ห่าง ๆ กับเจ้านายที่สิ้นพระชนม์
ซึ่งตามคตินี้ตามงานศพแต่ก่อน เราจะรู้ได้ว่าผู้มาร่วมงานมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้ตาย แต่ว่าในประวัติศาสตร์ก็ยังมีเรื่องยกเว้น คือในสมัยรัชกาลที่ 1ทรงแต่งขาวไว้ทุกข์ ในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนศรีสุนทรเทพ และในสมัยรัชกาลที่ 3 1ทรงแต่งขาวไว้ทุกข์ ในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ทั้ง ๆ ที่พระมหากษัตริย์จะต้องทรงพระภูษาดำ เพื่อทรงแสดงว่าทรงรักและลัยในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอยิ่งนักทั้งนี้ประเพณีการแต่งสีดำ ขาว น้ำเงินไว้ทุกข์นี้ ไทยน่าจะรับมาจากจีน ซึ่งก็มีคติว่าสีขาวเป็นสีไว้ทุกข์ใหญ่ สีคราม สีน้ำเงินเป็นสีไว้ทุกข์ที่รองลงมา ดังนั้นจะเห็นว่างานศพชาวจีนในปัจจุบัน ญาติสนิทจะแต่งขาวไว้ทุกข์ ส่วนการแต่งกายไปร่วมงานศพด้วยสี ขาว ดำ น้ำเงิน ยังพอพบได้ในบางกลุ่มชนที่จังหวัดภูเก็ตค่ะ

การแต่งการไปเที่ยว


การแต่งกายไปเที่ยว
แต่งกายไปเที่ยวเป็นการแต่งกายที่สบายๆ เราควรคำนึงถึงสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวและบุคคลที่จะไปกับเรา
หากไปกับผู้ใหญ่ควรดูให้ถูกกาละเทสะด้วย ว่ามีความเหมาะสมเพียงใด

การพัฒนาบุคลิกภาพ

การพัฒนาบุคลิกภาพและการแต่งกาย
โดย กรรณีย์ ถาวรสุข
บุคลิกภาพ
บุคลิกภาพในทางสังคมหมายถึง ภาพของแต่ละบุคคลที่ปรากฏในด้านการแต่งกาย ท่วงทีกริยา การแสดงออก ที่จะทำให้ผู้พบเห็นเกิดความประทับใจทั้งในด้านบวกหรือด้านลบ ผู้ที่ปรากฏกายอย่างดีทั้งด้านการแต่งกายและมารยาทสังคมอันดี จะเป็นที่ประทับใจใคร่คบหาษมาคมนิยมชมชื่น บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ที่สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน เช่น การฝึกท่วงทีกริยาที่ดูดี แต่งกายให้เหมาะสมกับกาละเทศะ การมีมารยาทสังคมที่ดี
การเสริมสร้างบุคลิกภาพ
การเสริมสร้างบุคลิกภาพสามารถพัฒนาได้ ตั้งแต่การเคลื่อนไหว การทรงตัว การพูด ความสะอาดหมดจด ความนึกคิดที่ดี ซึ่งสามารถฝึกฝนได้ดังนี้
- การนั่ง ควรนั่งไหล่ตรง หลังตรง วางมือในที่อันควร
- การยืน ควรยืนตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง ขาตรง เท้าชิด หรือเบี่ยงเล็กน้อย
- การเดินและการเคลื่อนไหว ควรเดินตัวตรง ศีรษะตั้งตรง แกว่งแขนเล็กน้อย
- การหยิบของที่พื้น ควรย่อตัวลงหยิบ ไม่ใช่ก้มตัวลงหยิบ
- การพูด ควรพูดด้วยจังหวะที่ดี ใช้น้ำเสียงที่จริงใจ ให้ความรู้สึกเป็นมิตร
- การแสดงสีหน้าควรแสดงสีหน้าปกติไม่แสดงความยินดีโกรธหรือเย็นชาจนเกินไป
- การคิด ควรคิดแต่สิ่งที่ดี ไม่หมกมุ่นอยู่กับความทุกข์
- การรักษาสุขภาพและความสะอาด ควรรักษาน้ำหนักให้เหมาะสมกับความสูง รักษาสุขภาพกายและจิตให้ดีอยู่เสมอ รักษาความสะอาดของร่างกาย สุขภาพที่ดีจะส่งผลให้บุคลิกภาพดีด้วยเช่นกัน
- การแต่งกายให้เหมาะสมกับกาละและเทศะ
การแต่งกายให้เหมาะสมกับกาละและเทศะหมายถึง การใช้เสื้อผ้ารวมถึงเครื่องประดับตกแต่งร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า โดยให้เหมาะสมกับกาละคือเหมาะสมกับเวลากลางวัน กลางคืน งานเลี้ยงต่างๆ และเหมาะสมกับเทศะคือเหมาะสมกับสถานที่เช่น สถานที่ราชการ โรงเรียน โรงภาพยนตร์ เป็นต้น
ความสำคัญของการแต่งกาย
ความสำคัญของการแต่งกายก็มีด้วยกันอยู่หลายประการ เช่นเพื่อป้องกันอันตราย เห็นได้จากการใส่เสื้อผ้าเพื่อป้องกันความหนาว การใส่เสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันแสงแดด หรือแต่งกายเพื่อดึงดูดความสนใจและความสวยงาม แต่งกายเพื่อแสดงฐานะทางสังคม เช่นเครื่องแบบนักศึกษา ข้าราชตำรวจ หรือการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงก็สามารถบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้เช่นกัน นอกจากนี้การแต่งกายยังบ่งบอกถึงขนบธรรมเนียมและความสุภาพ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็มีลักษณะแบบแผนของตนเอง อย่างเช่นธรรมเนียมตะวันตกถ้าเป็นงานพิธีการจะต้องแต่งกายครบเครื่อง สวมถุงน่อง รองเท้า หมวก ถุงมือ แต่ถ้าป็นธรรมเนียมไทยเราจะไม่สวมหมวก
ประเภทของการแต่งกาย
โอกาสปกติ การแต่งกายในโอกาสปกติ ได้แก่การไปทำงาน ประชุม สอบสัมภาษณ์ ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อยตามสมัยนิยมเหมาะกับสถานที่และสภาพอากาศ
โอกาสพิเศษ
- งานทั่วไป ถ้าในบัตรเชิญกำหนดว่าแต่งกายตามสบาย casual dress หรือ casual clothes สุภาพบุรุษสามารถสวมเสื้อเชิตผูกเนคไท ชุดพระราชทานหรือ ใส่เสื้อเชิตสวมสูททับโดยไม่ต้องผูกเนคไท ส่วนสุภาพสตรีแต่งกายเรียบร้อยมีเครื่องประดับบ้างเล็กน้อย
- งานเลี้ยงตอนค่ำ มักเขียนไว้ในบัตรเชิญว่า Dinner การแต่งกายควรหรูหราขึ้น สุภาพบุรุษใส่เสื้อเชิตผูกเนคไทสวมสูททับ สุภาพสตรีสวมกระโปรงตามสมัยนิยมหรือสวมกระโปรงยาวที่ดูหรูหรา ถ้าเป็นงานเลี้ยงรับรองหรือ cocktail สามารถสวมกระโปรงฟูได้เพราะเป็นการยืนรับประทาน
- งานราตรีสโมสร มักกำหนดว่าเป็น Formal even wear สุภาพบุรุษจะแต่งกายครบเครื่องเต็มยศ ประกอบด้วยสูท กางเกง เสื้อเชิต เสื้อแค่เอว ผ้าคาดเอว โบว์ไท รองเท้าสีดำ ส่วนสุภาพสตรีสวมชุดยาวเปิดไหล่ หรือเสื้อแขนยาวมีการตกแต่งหรูหรา หรืออาจใช้ชุดไทยจักรี ชุดไทยบรมพิมาน
- งานพิธีการ เช่นงานพระราชทานปริญญาบัตร งานพระราชพิธี งานที่เป็นทางการ การแต่งกายต้องเป็นไปตามกำหนด เช่นชุดปกติขาว ชุดสากล ชุดไทยต่างๆ สุภาพสตรีไม่ควรสวมกระโปรงสั้นหรือยาวเกินไป
- งานทำบุญที่วัด ควรแต่งกายสุภาพมิดชิด สีสันไม่ฉูดฉาด เหมาะกับรูปร่างและผิวพรรณ ในกรณีของงานศพสุภาพบุรุษควรใส่ชุดสูทสีเข้ม สวมเชิ้ตขาว เนคไทสีดำ รองเท้าถุงเท้าสีดำ ถ้าเป็นพิธีพระราชทานเพลิงศพ ข้าราชการใส่ชุดปกติขาวสวมแขนทุกข์ สุภาพสตรีสวมชุดดำแบบสุภาพ ไม่ควรมีลวดลาย
- ยามพักผ่อน แต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเช่นเวลาอยู่บ้าน ชุดนอนแต่งตามความชอบส่วนตัวแต่ควรเป็นผ้าเบาสบาย การไปเที่ยวแต่งให้เหมาะกับสถานที่เช่นไปทะเล ปีนเขาควรใส่กางเกง เวลาเล่นกีฬาควรสวมชุดกีฬาเพื่อความเหมาะสม

การแต่งกายไปงานแต่งงาน

แต่งตัว ไปงาน แต่งงาน เลือกชุดสวยแบบไหนดี
ช่วงที่ผ่านมามีงานวิวาห์ของคู่รักหลากหลายวงการจัดกันถี่ยิบ มาสำรวจตรวจตราแฟชั่นของเหล่าคนดังที่ไปร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวกันบ้างดีกว่าว่าพวกเธอจะแต่งกายได้สวยและอินเทรนด์แค่ไหน เผื่อใครจะลองนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองดูบ้าง
แดงโดดเด่น ชุดแดงสง่างาม ช่างเลือกได้เหมาะกับสีผิวเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยขับให้ผิวแลดูผ่องสวยเนียน โดดเด่นมาแต่ไกล
สีสันสุดอิน สำหรับซีซันนี้แล้วเดรสสีสดทั้ง สีม่วง สีน้ำเงิน สีเหลือง สีฟ้า สีเขียว สีส้ม ต่างเป็นสีสันประจำฤดูกาลที่ให้ลุคของความสดใสและสนุกสนาน
เพอร์เฟกต์พรินต์ เดรสลวดลายสวยงาม แปลกตาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรจะต้องมี เพราะเป็นลุคที่เก๋ มีสไตล์ โดดเด่นเฉพาะตัว
เฉดสีนุ่มนวล สีขาวสะอาดตาไปจนถึงสีชมพูอ่อนหวานเป็นเสน่ห์ของความนุ่มนวล สดใส สะท้อนความเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

การเสริมสร้างบุคลิกและการสร้างเสน่ห์

เสริมบุคลิก สร้างเสน่ห์
เกร็ดการแต่งกาย-แต่งตัว : ข้อพึงระวัง

สำหรับคุณผู้ชาย ผู้เป็นสุภาพบุรุษ มีข้อพึงระวังในการแต่งกาย เป็นเกร็ดที่ควรคำนึงทั้งเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย แม้เราไม่ได้มองตัวเอง แต่ผู้คนในสังคมมองเราตลอด ฉะนั้น พึงต้องสำรวม และระลึกว่าเป็นส่วนสำคัญของการสร้างความประทับใจแรกพบ เมื่อสายตาผู้คนเหลียวมามอง (first impression) ท่านระวังสิ่งเหล่านี้ หรือ เช่น
- - - - - - - - - - - - - - - -
- เริ่มจากทรงผม อย่าให้กระเซิง ให้ดูเรียบร้อย ไม่ควรไว้ทรงผมปกหน้า (ผาก) ราศีจะทึมและแคบ ดูเป็นคนปิดเพราะผมปิด
- แว่นตา ต้องให้รับและเข้ากับทรงของใบหน้าของเรา (กลม รี เรียว)ไม่ควรหนาจนทึบ จะดูหนักหน้า แว่นโปร่งดูใส กรอบไม่ใหญ่นัก จะดูโปร่ง และเห็นแววที่ดี
- เสื้อผ้า อย่ายับ (ยู่ยี่) ขาดความสะอาดสะอ้าน ให้คนอื่นเหลียวกลับมามอง ต้องสวมแล้วสมสง่า ไม่จำต้องมีราคา
- ไม่ควรสวมเสื้อยืดนอกกางเกง หรือใส่กางเกงยืนไปงานพิธีที่เป็นทางการ มีผู้หลักผู้ใหญ่ ควรใส่เสื้อเชิ้ต
- งานกลางคืน เสื้อแขนยาวมีลาย มีดอก ใส่ไปงานลี้ยงได้จะดูสวยดี โดยเฉพาะงานที่โรงแรม และเป็นพิธีการมีผู้ใหญ่ไปร่วมงาน ถ้าเป็นงานผู้ใหญ่ควรใส่แขนยาว ไม่ควรใส่แขนสั้น (ลองพิจารณาดู)
- ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใส่เสื้อยืด กางเกงลำลอง สวมรองเท้าวอร์มไปงานโรงแรม เว้นแต่เป็นงานกีฬาในบัตรเชิญให้ไปร่วมงาน จะระบุการแต่งกายไว้ (ถ้าระบุ) ต้องสวมใส่ให้ตรงกับงาน และให้ถูกรูปแบบ โดยเฉพาะงานพิธีการ ชุดเต็มยศ ชุดครึ่งยศ ชุดปกติขาว ชุดไทย สุภาพ(ชุดพระราชทาน) เป็นต้น
- ชุดเต็มยศ ที่ต้องใส่กางเกงดำ โปรดอย่าให้หลวม ต้องเข้ารูป อย่านำกางเกงดำที่มาจากสูทมาใช้ ต้องมีตัวใหม่ที่เข้ารูปพอควร (ไม่โป่งพอง)
ถ้าสวมกับชุดผ้าไหมไทย หรือซาฟารี กางเกงที่สวมควรเป็นสีเข้ม อย่าใส่แล้วดูโป่ง หรือดูตัวใหญ่เกินไป หากผูกเน็คไท ปมเน็คไทต้องดึงเข้ารูป ตรงกลางคอ (หอย) และความยาวต้องให้ถึงเข็มขัด อย่าให้สั้นเต่อ เลือกสีที่เข้ากันได้กับเสื้อ-กางเกง (และสูท)
- กุญแจที่เป็นพวง กล่องใส่แว่น ไม่ควรพกติดตัวไปงาน เพราะเวลาขึ้นไปรับรางวัลหรือประกาศนียบัตร จะทำให้เข็มขัดที่เอวดูรกรุงรัง อาจเป็นไปได้มีเพียงซองใส่โทรศัพท์มือถือ
- สวมชุดข้าราชการ สีของชุดอย่าเข้มเกินไป หรืออ่อนจนเกินไป เข็มขัดสีกากีต้องเข้ากับสีชุด ให้ match กลมกลืนกันจะดูสวย มิใช่ต่างสีต่างโทนกันเครื่องหมายที่ประดับชุดปกติขาว ชุดกากี ต้องมีระเบียบรองรับให้ประดับได้ (การติดเครื่องหมายต่างๆ ต้องให้ตรงและและขนานกับกระเป๋าเสื้อ ไม่โย้เย้)
- ถุงเท้าเป็นเครื่องแต่งกาย ที่ไม่ควรมองข้าม ต้องสวมให้สีสันเข้ากันได้กับกางเกง ถุงเท้าสีดำเป็นการดีเข้ากันได้กับทุกสี โดยเฉพาะแต่งชุดข้าราชการ สีกากี ชุดปกติขาว ชุดเต็มยศ ต้องสวมถุงเท้าสีดำ เท่านั้นงานบุญ งานบวช งานพิธีทางศาสนา ที่ต้องประกอบพิธีในวัด ศาลา ที่ต้องถอดรองเท้า พึงระวังที่จะสวมถุงเท้าให้สะอาด และไม่ขาดวิ่น ส้นและนิ้วไม่โผล่ออกมานอกถุงเท้า งดรองเท้าแตะ รองเท้าฟองน้ำ ไปร่วมงานที่เป็นทางการ เด็ดขาดรองเท้าสำหรับผู้ชาย เวลาใส่ชุดปกติขาว ชุดกากี ควรสวมรองเท้ามีส้น (ยกส้น) ถ้าเป็นรองเท้ายาง เรียบไม่มีส้น เมื่อสวมกางเกงแล้วปลายขาไม่ยกขึ้น ทรงจะดูไม่สวย
การแต่งกายไปงานบวช
เราควรแต่งกายในชุดที่เรียบร้อยและสุภาพและควรใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆไม่ฉูดฉาด
เพื่อเป็นการให้เกียติเจ้าภาพ และเพื่อเป็นควรแสดงความเคารพต่อสถานที่ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

การแต่งกายไปงานบุญ


การแต่งกายไปงานบุญ
เราควรแต่งในชุดที่ดูเรียบร้อยและสีสันที่อ่อนๆสะอาดตา
เพื่อเป็นการให้เกียติเจ้าภาพและสถานที่ในการจัดงานและเพื่อเป็น
การปฏิบัติตาม ข้อกำหนดที่เจ้าภาพกำหนดไว้ ฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

ดาราที่ประทับใจ


ดาราที่ดิฉันประทับใจ

- ประวัติชื่อ - นามสกุล : ปรีติ บารมีอนันต์
- ตำแหน่ง : ร้องนำ ( วง CLASH )
- สังกัด : UP ^ G
- วัน/เดือน/ปีเกิด : 20 ตุลาคม 2525
- เชื้อชาติ/สัญชาติ : ไทย/ไทย
- ส่วนสูง/น้ำหนัก : 178 ซม. / 64 กก.
- พี่น้อง : 2 คน ( เป็นคนที่ 1 )
- การศึกษา : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- อุปนิสัย : ร่าเริง, สนุกสนาน
- ของสะสม : แสตมป์
- งานอดิเรก : ฟังเพลง
- กีฬา : ฟุตบอล
- สัตว์เลี้ยงที่ชอบ : สุนัข
- อาหารจานโปรด : มีหลายอย่าง…
- แนวเพลงที่ชอบ : ROCK
- นักร้องที่ชอบ : SILLY FOOLS
- บรรยากาศที่ชอบ : เย็นหลังฝนตก
- คติประจำใจ : พัฒนาตัวเองเสมอ
- ผลงานด้านโฆษณา : ปตท.พีทีที 4 ที ชาเลนเจอร์ ปี 2546 มอเตอร์ไซด์ YAMAHA - รุ่น MIO AUTOMATIC ปี 2546 - 47
- ผลงานการแสดง : ภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว/ ปี 2547
- ผลงานการร้องเพลง : - อัลบั้มที่ 1 : ONE / ปี 2544- อัลบั้มที่ 2 : SOUND SHAKE / ปี 2546-
อัลบั้มที่ 3 : BRAIN STORM / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : SOUND CREAM / ปี 2546- อัลบั้มพิเศษ : เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง…พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว / ปี 2547- อัลบั้มพิเศษ : PACK 4 Vol. 1-2 / ปี 2547
- รางวัลที่เคยได้รับ : - ปี 2542 รองชนะเลิศอันดับ 1 ประกวด HOT WAVE MUSIC AWARDS
ครั้งที่ 3 - ได้รับรางวัลเพลงร็อคยอดเยี่ยม เพลง LOVE จากงานประกาศรางวัลสีสัน - อะวอร์ด
ครั้งที่ 14 ประจำปี 2544 จัดโดยนิตยสารสีสัน - ปี 2547 ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำในการรณรงค์ - เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาโรคเอดส์ โดยได้รับมอบเข็มกลัดและตรา
- สัญลักษณ์การประชุม - รูปช้างเผือก 3 เชือก

เหตุผลที่ชอบ

ดิฉันประทับใจดารานักร้อง แบ้งค์ วงแคลชมากเพราะ เขาเป็นคนที่สู้ชีวิตเป็นคนรักครอบครัวพ่อเคยสอนให้แบ้งค์ว่า"ถ้าเป็นคนดีก็ให้ดีให้สุด ๆ ถ้าเป็นคนเลวก็ให้เลยให้สุด ๆ" ถ้าเป็นนักร้องก็ให้เป็นนักร้องที่ดังที่สุดไปเลย สมัยวัยเรียนเขาและเพื่อน ๆ เขาประกวดร้องเพลงสามารถคว้ารางวัลนักร้องได้อย่างยอดเยี่ยมและก็ทำให้เขาและเพื่อน ๆ ก็ทำอัลบั้มต่อจนมีเงินเก็บเป็นก้อน ๆ เขานำเงินก้อนนั้นไปใช้หนี้จนหมดเขาก็มีชีวิตใหม่อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขเป็นเวลา 1 ปีกว่า จากนั้นแม่ก็ไม่สบายเป็นคนที่หลับยากมาก เป็นโรคลูคีเมียค่ารักษาพยาบาลแพงมากแบ้งค์ก็ยังดิ้นรนหาเงินมารักษาแม่ แม่ก็ทนอาการโรคร้ายไม่ไหวก็เสียชีวิตลงแบ้งค์เสียใจมากแต่แบ้งค์ก็ยังดิ้นรนสู้ชีวิตต่อไป เพราะเหตุนี้ที่ดิฉันชอบดาราคนนี้มากชอบเขาสู้ชีวิตเพื่อครอบครัว.....

แต่งกายไปงานประเพณี


การแต่งกายไปงานประเพณี
เราควรแต่งกายให้เหมาะสมกับงานพิธีเพราะเป็นการแสดงถึง
ความเคารพ ความเชื่อถือ ความศรัทธา และความเคารพต่อสถานที่จัดงาน